รีวิวซีรีย์ The Witcher นักล่าจอมอสูร

มาพบกันกับผม และ การรีวิวหนังสุดมัน ถ้าจะพูดถึง เดอะ คอนติเน็น ชื่อโลกจำลองของจักรวาล The Witcher หลายเผ่าพันธุ์อยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข นักล่าอสูร หรือเรียกกันว่า เดอะ วิทเชอร์ ยอดมนุษย์ที่ผ่านการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับร่างกายมาอย่างดี ทั้งทนเวทมนต์ มองเห็นในที่มืด ทนต่อความเจ็บป่วย และ สามารถใช้เวทมนต์ได้อีกต่างหาก ล่าอสูรคืองานของ วิทเชอร์ พวกเขาจะรับงานต่อเมื่อได้ค่าจ้างเท่านั้น ท่องเที่ยวไปตามที่ต่างๆใน เดอะ คอนติเน็น

แต่ก็อ่ะนะมันคือยุคของ โล่ดาบ มันก็มีการทำสงครามแย่งดินแดนเข้ามาเกี่ยวบ้างเดี๋ยวจะหลุดคอนเซ็ป นิล์ฟการ์ด เมืองทางใต้ที่กระหายการขยายดินแดน ได้บุกตีเมืองทางเหนืออย่างไม่ปราณี แต่ทว่าจุดประสงค์ในการตีนั้นมันไม่ใช่แค่การยึดครองดินแดนเท่านั้น แต่พวกเขากำลังต้องการใครบางคน

เนื่องจากว่าซีรีส์นี้ถูกสร้างมาจากนิยาย และ เกมที่โด่งดังมากๆเกมหนึ่งของวงการ ทำให้เกิดการคาดหวังจากแฟนเกม และ นิยายกันมากพอสมควร เนื่องจากซีรีส์สร้างโดย Netflix แน่นอนว่าเราบอบช้ำกับหนังและซีรีส์ ดูหนังออนไลน์ ที่สร้างจากเกมมามากพอสมควรในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

โดยส่วนตัวผมนนั้นก็เป็นคนที่ชื่นชอบ เดอะ วิทเชอร์ คนนึงที่ชอบเกมมาก แม้ยังไม่มีโอกาสอ่านนิยาย แต่เนื้อเรื่องที่ได้จากเกมก็ถือว่าสนุก และ ลุ้นไม่แพ้กัน หลังจากที่ดูตอนแรกจบไป ต้องขอชมทีมสร้างเลยว่าทำบรรยากาศได้ดี มีกลิ่นอายจากเกมและมันพาผมกลับไปวันที่จับจอยไล่ล่าอสูรทั่ว เดอะ คอนติเน็น บน Xbox One วันแรกอีกครั้ง

รีวิวซีรีย์ The Witcher นักล่าจอมอสูร น่าดู

รีวิวซีรีย์ The Witcher นักล่าจอมอสูร เรื่องย่อ

สำหรับเนื้อหาใน เดอะวิทเชอร์ นั้นจะพูดถึงเรื่องราว ดูหนังฟรี การเดินทางของ เกรอลด์ แห่ง ริเวีย (เฮนรี คาวิล) นักล่าอสูรเผ่าวิทเชอร์ ได้ออกเดินทางเพื่อเติมเต็มชะตากรรมในการปกป้องเด็กสาวที่เขาจะพบในป่าตามคำทำนาย ซึ่งเด็กสาวคนนั้นก็คือ ซิรี (เฟรยา อลลัน) เจ้าหญิงแห่งซินตราที่ต้องลี้ภัยสงครามล่าอาณานิคมโดยกองทัพแห่งนิล์ฟการ์ด

โดยครั้งนี้ตัวของเธอนั้นก็ต้องการรู้ความจริงเกี่ยวกับพลังของเธอที่ครอบครัวเธอนั้นปกปิดไว้ และ อีกด้านของโชคชะตายังมี เยนนิเฟอร์ แห่ง เวงเกอร์เบิร์ก (อันยา ชาโลตรา) จอมเวทย์สาวอาคมแก่กล้าผู้ยอมแลกโอกาสในการมีลูกกับความงามที่เธอไม่ต้องทนทุกข์กับหลังคดงออันอัปลักษณ์ต่อไป งานนี้นอกจากเหล่าปีศาจที่ วิทเชอร์ อย่าง เกรอลด์ ต้องจัดการแล้ว การตามหา ซิรี ยังเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้โลกปลอดภัย

รีวิวซีรีย์ The Witcher นักล่าจอมอสูร สนุก

รีวิวซีรีย์ The Witcher นักล่าจอมอสูร การดำเนินเรื่อง

ด้วยวิธีการเล่าเรื่องในซีซันหนึ่ง บวกกับตัวละครที่มีอยู่มากมาย ต่างฝ่ายต่างเผ่าพันธุ์ และ ต่างตัวละครล้วนมีแง่มุมเบื้องหลังของตนเอง รีวิวหนังระทึกขวัญ ทำให้ผู้มาใหม่รู้สึกสับสนได้ง่าย มึนงงสงสัยไปหมดว่าอะไรเป็นอะไร และ ผู้ชมเหล่านั้น จำเป็นต้องเดินทางหลายครั้งเพื่อจะทำให้ตนเข้าถึงเรื่องราวอันซับซ้อนนี้ได้มากขึ้น หนึ่งในผู้ชมเหล่านั้นก็คือข้าพเจ้าเอง

เรื่องราวในซีซันแรก ถูกบอกเล่าอย่างคดเคี้ยวไม่เป็นเส้นตรง เล่าสลับช่วงเวลาย้อนไปย้อนมา เมื่อผนวกกับการที่มีตัวละครมากมาย และ หลากหลายเผ่าพันธุ์ ผู้ชมที่มาใหม่จะจับต้นชนปลายไม่ใคร่ถูก ซีรีส์ เดอะวิทเชอร์ จึงอาจทำผู้ชมหล่นหายไปจำนวนหนึ่ง ต่อเมื่อผ่านไปถึงตอนที่ 6 ผู้คนที่ผ่านมาได้จึงกลายเป็นผู้เหลือรอด แล้วเรื่องราวที่กระโดดไปมาก็เดินทางมาถึงจุดบรรจบ

Yennefer หญิงสาวสายเลือดเอลฟ์ที่มีรูปร่างอัปลักษณ์หลังคดปากเบี้ยว เธอเติบโตมาอย่างลำบากยากเข็ญ ก่อนได้รับการฝึกฝนให้ควบคุมพลังโกลาหลจนได้เป็นแม่มดผู้วิเศษ กลายเป็นหญิงสาวผู้เลอโฉมผ่านการผ่าตัด และ แลกมาด้วยการไม่สามารถให้กำเนิดบุตร ทว่ากลับปรารถนาการมีบุตรอย่างแรงกล้า รีวิวหนังระทึกขวัญน่าดู อนาคตของเธอจะได้เป็นแม่มดสุดแกร่งที่ต้องผ่านเหตุการณ์หลายหลาก โชคชะตาชักพาให้เธอได้มาพบกับเกรอลต์

และเป็นเกรอลต์ที่ลั่นวาจาเรื่องการตอบแทนไร้เงื่อนไขไว้ในครั้งนั้น ส่งผลให้ชะตาของเขาต้องเกี่ยวพันกับเจ้าหญิงผู้ยังไร้ประสบการณ์นาม ซิริอา เรื่องราวภาคแรกบอกเล่าถึงช่วงเวลาก่อนการพบกันของคนทั้งสอง

รีวิวซีรีย์ The Witcher นักล่าจอมอสูร บทวิจารณ์

โดยในแต่ละตอนโครงสร้างการดำเนินเรื่องก็คล้ายเวลาเปิดเกมมาก เช่นจะมีคนมาบอกภารกิจตามสถานที่ต่าง ๆ รีวิวหนังระทึกขวัญน่าสนใจ ทั้งมาในรูปแบบของป้ายประกาศที่ติดตามสถานที่ หรือเป็นซีนที่ เกรอลด์ เข้าพบคนมอบหมายภารกิจเลย ซึ่งก็ถือเป็นการดึงจุดเด่นของเกมมาใช้ได้ดี แถมบางตอนซีรีส์ยังใช้ประโยชน์จากรูปแบบการเล่าเรื่องนี้ในการย่นย่อเรื่องราวให้กระชับขึ้นผ่านปากตัวละครไปเลย

แต่กระนั้นในอีกด้านหนึ่งการที่มันใช้การดำเนินเรื่องเหมือนเกมก็ทำให้คนดูไม่อาจยึดโยงกับเป้าหมายที่แท้จริงของตัวละครได้เหมือนกัน โดยตอน 1-4 ซีรีส์แทบจะดำเนินเรื่องเหมือนมีหนัง 3 เรื่องที่ต้องเล่าควบคู่ไปทั้ง เกรอลด์, ซิรี และ เยนนิเฟอร์ แบบไม่มีเส้นเรื่องใดบรรจบกันเลย

ดังนั้นคนดูก็เหมือนต้องร่วมทำเควสต์ไปกับเกรอลด์เรื่อย ๆ และ พอซีรีส์เดินเข้าสู่ตอน 5 นั่นแหละที่โครงสร้างเรื่องเริ่มชัดเจนขึ้น(แต่ก็ไม่ลดทอนความซับซ้อนลงเลย) ดังนั้นคนดูอาจต้องอดทนดูและ เก็บรายละเอียดให้จบ 4 ตอนเสียก่อนครับจึงจะสามารถเข้าใจโลกใน The Witcher และ สามารถติดตามเรื่องราวอีก 4 ตอนที่เหลือได้อย่างสนุกสนานพอควร แม้บทซีรีส์จะยังมีปัญหาในแง่ตรรกะอยู่บ้างเนื่องจากมันใส่รายละเอียดที่เยอะ ซับซ้อน แต่ดันให้เวลาในแต่ละซีนที่จะต้องเล่าเรื่องหรือดึงอารมณ์น้อยเกินไปหน่อย

แต่อย่างว่านะตัวซีรีย์เองก็ไม่ได้เดินเรื่องตามต้นฉบับในเกมไปซะทีเดียว เพราะโดยเนื้อแท้แล้ว The Witcher กล้าหาญมากที่เล่นกับการเล่าเรื่องแบบไม่ลำดับเวลา โดยตอนแรกเราจะได้เห็นเหตุการณ์ที่เหมือนปลายทางจากมุมมองหนึ่ง ก่อนตอนสุดท้ายซีรีส์จะมาเฉลยว่าเหตุการณ์ในตอนแรกส่งผลต่อตัวละครอย่างไร

แล้วตอนที่ 2-7 จะนำเสนอเหตุการณ์แวดล้อมที่ทำให้ชะตากรรมของตัวละครทั้ง เกรอลด์, ซิรี และ เยนนิเฟอร์ ต้องบรรจบกันซึ่งก็ถือว่าเป็นการเล่าเรื่องที่สร้างสรรค์มาก เพียงแต่เราจะต้องคอยดู และ จับรายละเอียดให้ดี ด้วยเนื้อหาที่เยอะ และ ซับซ้อนแถมยังเดินเรื่องค่อนข้างเร็วก็อาจทำให้ต้องตามเรื่องกันเหนื่อยหน่อย

ความรู้สึกหลังดูซีรีย์ The Witcherนักล่าจอมอสูร

แต่สิ่งที่คงจะเลี่ยงไม่ติติงไม่ได้คงเป็นในแง่การกำกับการแสดง และ งานวิช่วลนี่แหละ โดยภาพรวมแล้วจุดบอดของซีรีส์ชุดนี้นอกจากตรรกะของบทอย่างที่กล่าวไปแล้ว คงหนีไม่พ้นการแสดงที่ทุกตัวละครดูจะ “แข็งทื่อ” ไร้อารมณ์เหมือนกันไปเสียหมด ยิ่งถ้าใครฟังเสียงตัวละครต้นฉบับจะพบว่าทุกตัวละครแทบจะใช้โทนเสียงเดียวกัน และ ไม่มีคาแรกเตอร์ใดที่โดดเด่นหรือเป็นที่จดจำเท่าใดนัก

ยังดีที่ในส่วนการแสดงได้ เฮนรี คาวิล ที่แม้จะยังไม่ได้โชว์ฝีมือด้านดราม่าเท่าไหร่ แต่เราก็ต้องยอมรับว่าการปรากฎตัวพร้อมหุ่นล่ำ ๆ ฉบับซูเปอร์แมนของเขามารับบท เกรอลด์ น่าจะพอทำให้สาว ๆ ติดตามเรื่องราวที่ซับซ้อน และ ดูบอย ๆ แบบนี้ได้บ้าง รวมถึง อันยา ชาโลตรา นักแสดงสาวชาวอังกฤษในบทเยนนิเฟอร์ที่นอกจากความสวยแล้ว

ความใจกล้าของเธอยังน่าจะทำให้หนุ่มได้คอแห้งกันบ้างแหละ แม้หลายครั้งจะไม่เข้าใจว่าทำไมเวลาต่อสู้กับมนตร์ดำแล้วเสื้อต้องหล่นมาโชว์หน้าอกอยู่เรื่อยก็ตาม ซึ่งพอพูดถึงเรื่องแนวแฟนตาซีพีเรียต และ ฉากโป๊แล้วก็อดนึกถึงซีรีส์ Game of Thrones ไม่ได้ และ แน่นอนแหละว่างานวิชวลของ The Witcher เองก็ไม่ได้หนีจากซีรีส์ชิงบัลลังก์เรื่องดังที่เรากล่าวไปแล้วเท่าใดนัก จนเราอดคิดเปรียบเทียบไม่ได้ทั้งงานออกแบบงานสร้าง และ การต้องมีฉากขายความเซ็กซี่

สรุปแล้ว The Witcher คือซีรีส์ที่ดูให้สนุกได้ก็ต้องอาศัยความอดทนครับเพราะเนื้อหาค่อนข้างซับซ้อน และ การเดินเรื่องแบบไม่ลำดับเวลา ซึ่งเราแนะนำให้ดูแบบพากย์ไทย แล้วจะติดตามเรื่องได้ง่ายขึ้นแถมยังมีฉากร้องเพลงเป็นภาษาไทยด้วย ที่ถูกใจผมที่สุดคงหนีไม่พ้นเพลงที่ร้องว่า “จงโยนเหรียญ หั้ย..กาบ..วิชเชอร์…” นี่แหละที่ทำให้การดูซีรีส์เรื่องนี้มีความฮา…แบบคาดไม่ถึงอยู่

ข้อมูลของซีรีย์ The Witcherนักล่าจอมอสูร

ชื่อซีรีส์ The Witcher / เดอะ วิทเชอร์ นักล่าจอมอสูร

ผู้สร้าง Lauren Schmidt Hissrich

นักแสดง Henry Cavill, Freya Allan, Anya Chalotra, Mimi Ndiweni, Eamon Farren, MyAnna Buring,
Wilson Mbomio, Anna Shaffer, Joey Batey, Royce Pierreson

แนว/ประเภท Action, Adventure, Drama, Fantasy, Mystery

จำนวนตอน ซีซัน 1: 8 ตอน, ซีซัน 2: 8 ตอน

ช่องทางรับชม Netflix

ผู้ผลิต/เจ้าของลิขสิทธิ์ Cinesite, Hivemind, Netflix, Pioneer Stilking Films, Platige Image

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *