รีวิว Geostorm1

รีวิว Geostorm เนื้อเรื่องโดยรวม

ก็ต้องเรื่องนี้แล้วล่ะ ที่ฟอร์มยักษ์ที่สุด ด้วยเนื้อหา นักแสดง ผู้กำกับ ทุกอย่างส่งให้หนังเรื่องนี้เป็นที่น่าสนใจเอามากๆ ตอนดูตัวอย่างคิดว่าหลายๆ คนก็น่าจะคิดไปถึงหนังมหันตภัยอย่าง 2012, The Day After Tomorrow หรือหนังมหันตภัยนอกโลกอย่าง Armageddon ซึ่งตัวอย่างหนังเรื่องนี้ตัดออกมาได้แบบนั้นเลย

Geostorm ภาพยนตร์ระทึกขวัญสร้างความสงสัย เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังจากโลกเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติติดต่อกัน ผู้นำโลกได้ร่วมมือกันสร้างระบบดาวเทียมควบคุมภูมิอากาศโลกและรักษาความปลอดภัยเพื่อทุกคน แต่ตอนนี้กลับเกิดความผิดพลาด ระบบสร้างการป้องกันโลกต่อสู้กับภูมิอากาศ จนต้องแข่งกับเวลาเพื่อหาภัยคุกคามที่แท้จริงก่อนที่จีโอสตอร์มทั้งโลกจะกวาดล้างทุกสิ่ง… และทุกคนไปด้วย

เอาจริงๆ หนังมันต้องดูแบบไม่ต้องคิดอะไรเลยนะถึงจะสนุกได้ เพราะหนังมันเรียกว่าจับนั่นจับนี่มาใส่โดยไม่ต้องคิดอะไรมาก จากที่เข้าใจว่ามันคือหนังมหันตภัย มันกลับไม่เป็นเช่นนั้น มันกลายเป็นแอ็คชั่นหักมุมที่เดาได้ไม่ยากแม้แต่น้อย แต่หนังกลับเล่าเรื่องได้สนุกแบบเพลินๆ ถึงหนังจะเกี่ยวข้องกับการเมืองและนักวิทยาศาสตร์ทั้งเรื่องแต่ศัพท์ยากๆ ไม่มีโผล่ออกมาเท่าไหร่ ทำให้ง่ายต่อการทำความเข้าใจและ “เดา” ตอนจบของมัน ซึ่งความดีงามก็คือ ถึงจะเดาง่ายแต่ก็ไม่กร่อย

ที่บอกว่าหนังมันผิดคาดไม่ได้เป็นหนังมหันตภัยนั้น เพราะว่าหนังมันมีหลายมุมมากๆ ไม่ว่าจะเป็น แอ็คชั่นไล่ล่า หนังก่อการร้าย หนังอวกาศ แถมด้วยดราม่าพี่น้อง กับพ่อลูกอีกเล็กๆ ซึ่งไม่ต้องหาเหตุผลหรอกว่ามันมารวมอยู่ในเรื่องเดียวกันได้ยังไง แต่หนังก็ยำออกมาได้เพลินเลยทีเดียว

แต่ถึงแม้หนังจะฟอร์มยักษ์ขนาดนี้ แต่ CG กลับทำได้ออกมาไม่เนียนเท่าไหร่ ฉากในอวกาศยังพอดูดี แต่ฉากภัยพิบัติผมว่ามันดูหลอกตยังไงไม่รู้ ทั้งฉากคลื่นยักษ์ พายุทอร์นาโด ท่อใต้ดินประทุ หรือสายฟ้าฟาด น่าจะทำออกมาให้ดีกว่านี้ได้ ด้วยความใหญ่ของหนัง เสียดายมากๆ

ทางด้าน casting เอาจริงๆ นะ เรื่องนี้ไม่ต้องเป็น Gerard Butler ก็ยังได้เลย เพราะไม่ได้มีคาแรคเตอร์อะไรที่ต้องเฉพาะเจาะจงว่าเป็นเค้าเลยแม้แต่น้อย ส่วนนักแสดงคนอื่น ถือว่าโอเคในระดับนึง แต่เอาตามความเห็นผมตรงๆ เลย ใครเล่นก็ได้ แต่นางเอกเซ็กซี่ดีในแบบที่ไม่ต้องโป๊

รวมๆ แล้วอย่างที่บอก หนังมันยำๆ กันหลายๆ เรื่องราว ดูแล้วมันมั่วๆ เละเทะหน่อย แต่กลับดูสนกุถ้าไม่คิดอะไรเลย ไม่ต้องไปหาเหตุผลที่มาที่ไปของมัน ก็ถือว่าเพลินกับหนังได้นะ แต่ถ้าจะเอาสาระและเหตุผลจากหนัง เรื่องนี้อาจจะห่วยสำหรับคุณก็ได้ รีวิวหนังแอ็คชั่น

รีวิว Geostorm เนื้อหาโดยรวม

เมื่อดัตช์บอย ดาวเทียมป้องกันภัยพิบัติโลกเกิดปัญหาทำให้พี่น้องตระกูลลอสันที่ไม่ค่อยลงรอยกันอย่าง  เจค (เจอราด บัตเลอร์) และ แม็กซ์ (จิม สเตอเจสส์)ต้องร่วมมือกันหาทางปิดระบบก่อนเกิดมหาภัยพิบัติทั่วโลก แต่สิ่งที่เกิดขึ้นอาจมีผู้อยู่เบื้องหลัง งานนี้ทั้งสองพี่น้องและ ซาราห์ วิลสัน (แอบบี้ คอร์นิช)องครักษ์ประธานาธิบดี ต้องร่วมมือกันหาทางหยุดยั้งแผนวินาศกรรมและหาตัวคนชักใยมหันตภัยก่อนทุกอย่างจะสายเกินไป

ดีน เดฟลิน คือโปรดิวเซอร์หนังใหญ่ๆมากมายโดยเฉพาะ Independence Day ทั้ง 2 ภาคและหนังหลายเรื่องของผู้กำกับ โรแลนด์ เอ็มเมอริช เจ้าพ่อหนังล้างโลกคนดัง ทำให้โปรไฟล์ของเขามีแต่หนังสเกลใหญ่ๆและมักเกี่ยวพันกับภัยที่คุกคามโลก ดังนั้นพอได้โอกาสมานั่งเก้าอี้ผู้กำกับครั้งแรกจึงเลือกทำหนังที่ตัวเองเอาอยู่อย่างหนังภัยพิบัติล้างโลก แต่จะทำซ้ำรอยเดิมก็ใช่ที่ จึงได้เติมทฤษฎีสมคบคิดให้กับผู้ร้ายของเรื่อง จนได้ Geostorm หนังลูกผสมระหว่างหนังแอ็คชั่น วินาศกรรม กับ หนังไซไฟภัยพิบัติโลก ซึ่งจากภาพรวมของหนังก็ต้องยอมรับว่า ดีน เดฟลิน สอบผ่านอย่างสวยงาม เพราะแทบไม่มีสักนาทีเลยที่ตัวละครจะคุยเรื่องข้อมูลวิทยาศาสตร์กันแบบน่าเบื่อ เพราะพอหนังให้ข้อมูลไม่ทันไร อีกไม่กี่นาทีต่อมาก็จะต้องมีฉากวินาศสันตะโร ตามมาตลอด เรียกง่ายๆว่านี่คือหนังบันเทิงบริโภคง่าย ไม่ต้องคิดเยอะ แต่ก็ต้องแลกด้วยความสมเหตุสมผลของเรื่องราว ดูหนัง,ดูหนังออนไลน์

รีวิว Geostorm3

ดังนั้นการจะดูหนังเรื่องนี้ให้สนุกคือคุณห้ามตั้งคำถามเด็ดขาด เช่นถ้าเจอทหารอเมริกันเดินไปส่วนที่เกิดหิมะในทะเลทรายทำไมถึงไปจับคนที่ถูกแช่แข็งให้มือหลุดออกมา หรืออยู่ดีๆทำไมเจคไม่ปิดมือถือในศาล หรือแม้กระทั่งตัวละครของแดเนียล วู ทำไมถึงต้องพยายามทำให้ไข่ตกกับพื้นที่ฮ่องกง และอีกนานาสถานการณ์ที่ไม่ควรสงสัย อ่ะ…เราเตือนคุณแล้วนะครับว่าอย่าหาเหตุผล เพราะถ้าเผลอหาเหตุผลกับฉากที่กล่าวมาข้างต้นหรือแม้กระทั่งถามหาเหตุผลมารองรับการกระทำของคนที่ชักใยให้เกิดมหันตภัยต่างๆ คุณอาจหน้าแก่ก่อนวัย หรือเสี่ยงต่อภาวะตึงเครียดโดยไม่จำเป็นเลยทีเดียว รีวิวหนังผี

อันนี้ผมสังเกตเองว่า Geostorm อาจเป็นเหมือนหนังเสริมสันถวไมตรีระหว่าง สหรัฐอเมริกาและจีน ตั้งแต่คำบรรยายสถานที่อย่าง “ฮ่องกง ประเทศจีน” ที่เป็นครั้งแรกๆที่หนังฮอลลีวูดเลือกบอกชื่อสถานที่ของฮ่องกงให้เป็นส่วนหนึ่งของจีน และถ้ายังชัดเจนไม่มากพอ ตัวละครของแดเนียล วู อย่าง เช็ง ยังเป็นคนแรกที่พบความผิดปกติของทางการที่พยายามปกปิดสาเหตุของภัยแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ และยังเป็นคนที่พยายามเตือน แม็กซ์ ถึงโครงการลับที่อาจมีคนอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ดังกล่าว และที่สำคัญที่สุดคือบทบรรยายตอนต้นเรื่องว่า ดาวเทียมดัตช์บอย เป็นความร่วมมือระดับนานาชาติแต่นำโดยสหรัฐอเมริกาและจีน  ซึ่งจากข้อมูลเล็กๆเราอาจอนุมานได้ถึงความผูกพันธ์ทางธุรกิจระหว่างฮอลลีวูดกับจีนที่น่าจะแนบแน่นขึ้นอีกระดับ

รีวิวหนังแอ็คชั่นน่าติดตาม

ดังนั้นการจะดูหนังเรื่องนี้ให้สนุกคือคุณห้ามตั้งคำถามเด็ดขาด เช่นถ้าเจอทหารอเมริกันเดินไปส่วนที่เกิดหิมะในทะเลทรายทำไมถึงไปจับคนที่ถูกแช่แข็งให้มือหลุดออกมา หรืออยู่ดีๆทำไมเจคไม่ปิดมือถือในศาล หรือแม้กระทั่งตัวละครของแดเนียล วู ทำไมถึงต้องพยายามทำให้ไข่ตกกับพื้นที่ฮ่องกง และอีกนานาสถานการณ์ที่ไม่ควรสงสัย อ่ะ…เราเตือนคุณแล้วนะครับว่าอย่าหาเหตุผล เพราะถ้าเผลอหาเหตุผลกับฉากที่กล่าวมาข้างต้นหรือแม้กระทั่งถามหาเหตุผลมารองรับการกระทำของคนที่ชักใยให้เกิดมหันตภัยต่างๆ คุณอาจหน้าแก่ก่อนวัย หรือเสี่ยงต่อภาวะตึงเครียดโดยไม่จำเป็นเลยทีเดียว

อันนี้ผมสังเกตเองว่า Geostorm อาจเป็นเหมือนหนังเสริมสันถวไมตรีระหว่าง สหรัฐอเมริกาและจีน ตั้งแต่คำบรรยายสถานที่อย่าง “ฮ่องกง ประเทศจีน” ที่เป็นครั้งแรกๆที่หนังฮอลลีวูดเลือกบอกชื่อสถานที่ของฮ่องกงให้เป็นส่วนหนึ่งของจีน และถ้ายังชัดเจนไม่มากพอ ตัวละครของแดเนียล วู อย่าง เช็ง ยังเป็นคนแรกที่พบความผิดปกติของทางการที่พยายามปกปิดสาเหตุของภัยแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ และยังเป็นคนที่พยายามเตือน แม็กซ์ ถึงโครงการลับที่อาจมีคนอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ดังกล่าว และที่สำคัญที่สุดคือบทบรรยายตอนต้นเรื่องว่า ดาวเทียมดัตช์บอย เป็นความร่วมมือระดับนานาชาติแต่นำโดยสหรัฐอเมริกาและจีน  ซึ่งจากข้อมูลเล็กๆเราอาจอนุมานได้ถึงความผูกพันธ์ทางธุรกิจระหว่างฮอลลีวูดกับจีนที่น่าจะแนบแน่นขึ้นอีกระดับ

รีวิว Geostorm4

ส่วนเหตุการณ์ในสถานีอวกาศก็น่าสนใจตรงที่หนังเลือกให้การตายของนักบินอวกาศชาวอัฟกานิสถานเป็นเหมือนชนวนที่ทำให้เห็นถึงความฉ้อฉลที่ทำให้ระบบดาวเทียมเลือกสร้างภัยพิบัติให้กับโลก เพราะหลังเจคเดินทางไปถึงสถานีอวกาศเราจะพบตัวละครบนนั้นอยู่เพียงไม่กี่ชาติทั้ง เยอรมัน แอฟริกาใต้ อังกฤษและแม็กซิโก โดยเฉพาะตัวละครจากแม็กซิโกที่พอรู้ว่ามีคนอเมริกันอย่างเจคขึ้นไปคุมพวกเขาก็ถึงกับเอ่ยประโยค “ฉันจะถูกไล่ออกมั้ยเนี่ย” เพื่อล้อเลี้ยนนโยบายสร้างกำแพงของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แต่กระนั้นเหตุการณ์ในอวกาศหนังก็เลือกให้สหรัฐอเมริกาเป็นฮีโร่สร้างสันติภาพกับทุกชาติ โดยไม่ลืมที่จะล้อเลียนความขัดแย้งระหว่างสหรัฐกับแม็กซิโกอีกทีเป็นการตบท้าย

ตามที่เห็นในตัวอย่างกัน บรรดานักแสดงที่เราคุ้นตาทั้ง เจอราด บัตเลอร์ พ่อขุนพลแห่ง 300 (2006), จิม สเตอร์เจสส์ หนุ่มหล่อชวนฝันในหนังโรแมนติกอย่าง Across the universe (2007) แอบบี้ คอร์นิช สาวออสซี่สุดเซ็กซี่จาก  Somersault (2004) แม้กระทั่ง แอนดี้ การ์เซีย ที่น่าจะคุ้นตาจาก Ocean’s Eleven (2001)  ซึ่งเมื่อได้เห็นพวกเขาทั้งหมดมารวมตัวกันใน Geostorm ผลลัพธ์ที่ได้กลับทำให้เห็นสัจธรรมบางอย่างเกี่ยวกับอายุขัยความดังของนักแสดงที่แจ้งเกิดหลังยุค 2000 เพราะพวกเขาแทบไม่มีใครทำให้เราจดจำได้เลยจากหนังเรื่องนี้ เพราะหนังเต็มไปด้วยฉากวินาศสันตะโรจนแทบไม่มีพื้นที่ให้ใครแสดงความสามารถด้านการแสดงนัก แต่คนดูกลับจดจำความน่ารักของ ทาลิธา เบตแมน ( Talitha Eliana Bateman)  ที่เพิ่งรับบทเด็กสาวผู้กล้าหาญใน Annabelle Creation ไปเมื่อไม่กี่เดือนก่อน ที่แสดงบทดราม่าได้อย่างเป็นธรรมชาติ รวมถึง ซาซี บีตซ์ (Zazie Beetz) ในบทเจ้าหน้าที่คอมพิวเตอร์ผู้ช่วยของแม็กซ์ ที่สามารถปล่อยมุกตลกได้อย่างถูกจังหวะและสามารถขโมยซีนนักแสดงดังๆได้ตลอดเวลา รีวิวหนังผีสืบสวน

รีวิวหนังแอ็คชั่น และหนังไซไฟ

สรุปแล้วสำหรับ Geostorm ถือเป็นหนังแอ็คชั่นวินาศกรรมปนเปกับหนังไซไฟภัยพิบัติที่ทำออกมาได้สนุกสนาน หากคนดูไม่คิดหาความสมเหตุสมผลของตัวละครและไม่ซีเรียสกับตรรกะของหนังที่เข้าขั้นวินาศเสียยิ่งกว่าพายุลูกใด

หนังแนวโลกถล่ม เรียกได้ว่าออกมาเยอะ เห็นหลายรูปแบบ ซึ่งทุกแบบก็จะเกิดขึ้นเพราะธรรมชาติ แต่กับภาพยนตร์เรื่องนี้ มหันตภัยจะเกิดโดยวิวัฒนาการของมนุษย์เอง

เนื้อเรื่องกล่าวถึงดาวเทียมนานาชาติ เทอร์โมสเฟียร์” ที่สร้างขึ้นมาเพื่อควบคุมสภาพภูมิอากาศของโลกได้ถูกแทรกแซงจากฝีมือของผู้ก่อการร้ายลึกลับ  ที่ได้เปลี่ยนมันให้กลายเป็นอาวุธสร้างหายนะโลก  ทำให้ทีมวิศวกรรวมไปถึง เจค (Gerard Butler) ต้องวางแผนการเพื่อยับยั้งแผนร้ายนี้ให้ได้  แถมยังมีการก่อร้ายทางการเมือง แทรกในหายนะนี้

Geostorm ภาพยนตร์ระทึกขวัญ เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังจากโลกเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติติดต่อกัน ผู้นำทั่วโลกได้ตกลงและร่วมมือกันสร้างระบบดาวเทียมควบคุมภูมิอากาศโลก เหตุผลก็เพื่อรักษาความปลอดภัยเให้กับประชากรทุกคน แต่เทคโนโลยีที่เพิ่งเคยสร้างครั้งแรก ระบบสร้างการป้องกันโลกต่อสู้กับภูมิอากาศดันเกิดความผิดพลาด จนต้องแข่งกับเวลาที่บีบคั้น เพื่อสืบหาภัยร้ายที่แท้จริงก่อนที่ระบบดาวเทียมจีโอสตอร์มจะกวาดล้างทุกสิ่ง รวมถึงชีวิตมนุษย์ทุกคนไปด้วย

จินตนาการมักสำคัญกว่าสาระ เพราะหนังมันจับทุกอย่างที่จะจินตนาการได้ มายำให้หมด มันเป็นการยำแบบไม่ต้องคิดอะไร ไม่ต้องคิดถึงหลักการที่เป็นไปได้ เน้นเอามันส์พอ  ผมเป็นคนไม่ชอบดูตัวอย่างหนังบ่อย ๆ ดูเผิน ๆ ก็นึกว่าเป็นหนังมหันตภัยธรรมชาติ  แต่หนังดันเล่าเรื่องได้สนุกแบบเพลินๆ แม้หนังจะเกี่ยวข้องกับพวกศัพท์ยาก ๆ ของวิทยาศาสตร์ที่ฟังและอ่านก็ชวนงง ส่วนตัวแม้จะมองว่าได้ความรู้เพิ่มแต่ก็ไม่ค่อยเก็ทอยู่ดี ที่น่าประหลาดใจ คือหนังเดาง่าย แต่ความเดาง่ายนั้นกับปราศจากความกร่อย

หนังไม่ได้เป็นหนังมหันตภัยล้างโลกซะทีเดียว เพราะมันเป็นอุปกรณ์ที่สร้างขึ้นโดยมนุษย์ และหนังมีหลายมุม ไม่ได้จำเจแค่มหันตภัย มีดราม่าพี่น้องตีกัน การเมือง รวมถึงหนังอวกาศมารวมยำอยู่ด้วย ปกติหนังที่สักแต่ยำมักจะออกมาแย่ แต่หนังเรื่องนี้กลับมันส์ได้เฉยเลย

ในเรื่องของบทบาทการแสดง หนังไม่ได้เน้นคาแร็คเตอร์ของนักแสดงเลยดีกว่า ถ้ามาดูหวังว่าจะเห็นบทบาทการแสดงที่เด็ดดวง คงต้องผิดหวังนะครับ เพราะว่าหนังเน้นไปที่เอฟเฟคต์และการไล่ล่า สืบสวนมากกว่า ถ้าพูดภาษาง่าย ๆ ไม่ต้องพึ่งฝีมือเจอราร์ดเลยครับ ใครก็ได้ เพราะหนังเน้นขายแค่ตัวหนัง ไม่ได้เน้นนักแสดงเลย

รีวิว Geostorm ความรู้สึกหลังดู

คะแนนเนื้อเรื่อง 8/10 หนังยำใหญ่ชนิดที่ว่ามีครบทุกรสจริง ๆ แต่ว่าหนังไม่ใช่หนังมหันตภัย แต่มีเรื่องราวของการลอบสังหารประธานาธิบดีมาแทรกแซง เหมือนหนังการเมืองที่เอามหันตภัยมาเป็นฉากบังหน้า แต่หนังทำให้ผมดูได้เพลิน ๆ  ไม่ได้แย่นัก แต่ผิดหวังตรงที่ ผมตั้งใจไปดูหนังมหันตภัย แต่กลายเป็นยำใหญ่ ก็ถือว่าได้อย่างเสียอย่าง

รีวิว Geostorm6

คะแนนเอฟเฟคต์ 10/10 ก็ต้องให้เลยแหละครับ สำหรับภาพยนตร์ล้างโลกมหันตภัยในเงื้อมมือมนุษย์ ฉากหลายฉากที่ผมประทับใจ อย่างฉากคลื่นยักษ์ซัดเข้าฝั่ง คลื่นที่สูงเท่าตึกร้อยชั้นขนาดนั้น ซัดเข้าหาผู้คนที่ตัวเล็กเท่ามด มันให้ความรู้สึกว่า ไม่มีทางที่มนุษย์จะชนะธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ได้ แม้ว่ามหันตภัยเหล่านี้ จะไม่ได้เกิดเองก็ตาม

ข้อคิดที่ได้จากภาพยนตร์

บทสรุปสุดท้าย

ความพยายามในการสืบค้น ดูเหมือนว่าพระเอกของเรื่องนี้ จะเดาเรื่องเก่งและรอบรู้ไปหมดเลยนะครับ แต่ผมประทับใจที่สุดก็คือไหวพริบในการคาดเดาเรื่องราวที่สาวไส้ไปถึงการก่อการร้าย คือต้องบอกว่าพระเอกเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่เก่งมาก การที่เค้าพยายามหาทางหยุดยั้งดาวเทียมที่เป็นต้นตอของเรื่อง แต่ว่าเค้าก็พยายามที่จะหาสาเหตุ ต้นตอ แม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องที่เค้าพยายามก็ตาม

รีวิว Geostorm7

มนุษย์ไม่มีทางชนะธรรมชาติ ต่อให้มนุษย์พัฒนา มีวิวัฒนาการไปมาก ก้าวไกลไปแค่ไหน แต่สุดท้ายก็ต้องยอมสิโรราบให้กับความเกรี้ยวกราดและการลงโทษของธรรมชาติ ซึ่งมนุษย์ทุกคนควรตระหนัก ว่าเราควรเกรงกลัวธรรมชาติ ไม่ใช่พยายามชนะธรรมชาตินั่นเอง

โดยรวมแล้วอย่างที่บอก หนังมันยำกันไปซะเยอะเลย ซึ่งความสนุกขึ้นอยู่กับทัศนคติของคนดูเลยครับ ถ้าดูแบบเอาเหตุเอาผล มองความเป็นไปได้ ก็อาจจะเฟล แต่ถ้าดูเอามันส์ ไม่คิดอะไร เน้นสะใจในเอฟเฟคต์ เรื่องนี้เหมาะกับคุณมากครับ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *